วัดพระบาทน้ำพุ

เริ่มเรื่องมาจาก  กิจกรรม CSR ครั้งที่ 1

ในบทนี้เราจะมาเล่าเรื่องเบื้องหลัง ว่าโครงการนี้เกิดขึ้นมาเพราะอะไร เริ่มยังไง และจบยังไง

เกริ่น

โครงการนี้เริ่มจากการที่บริษัท LPG TECH ได้มีโอกาสได้รับรู้ถึงปัญหาของพนักงานในบริษัท ซึ่งพนักงานของเราในที่นี้คือ พี่ต่าย หรือ “ต่าย ชิมโบ๊ะ” ที่พวกเราบางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง พี่ต่ายทำงานที่นี่อย่างขยันขันแข็ง ให้ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้งแก๊สกับลูกค้าทุกคน ด้วยความมีอัธยาสัยไมตรี พูดเพราะ ตอบทุกข้อสงสัย ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือทางเฟสบุ๊ค ทำให้พี่ต่ายเป็นที่รักของคนทุกคนไม่ว่าจะเจ้านายหรือเพื่อนๆพี่ๆน้องพนักงานด้วยกัน

จับเข่าคุย

เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ที่ออฟฟิตของเราเหลือเพียง ผู้เขียน เจ้านาย พี่ต่าย และช่างอีก 2 คนที่นั่งอยู่ด้านนอก ตอนนั้นชักจะราวๆ ทุ่มครึ่งได้ พี่ต่ายได้พูดเรื่องของพี่ชายลอยๆออกมาเหมือนเป็นการตัดเพ้อเบาๆ ก่อนที่ผู้เขียนจะถามเจาะลึกเข้าไปเรื่อยๆจนได้เรื่องราวที่ว่า

พี่ชายของพี่ต่ายกำลังเผชิญกับโรคร้ายที่กำลังจะคร่าชีวิตเขา ตอนแรกได้ยินยอมรับว่าผู้เขียนเองตกใจมาก ในใจก็แอบกังวลว่าพี่ต่ายจะทำอย่างไร ตอนนั้นดีที่เจ้านายอยู่ เราเลยลองคุยเรื่องนี้กับนาย พี่ต่ายพูดไปด้วยน้ำเสียงตึงเครียดพร้อมโชว์รูปที่ค่อนข้างจะสยดสยองให้เราดู

พี่ชายของพี่ต่ายรู้ตัวว่าตัวเองป่วยหนักแล้ว อยากจะเข้าไปที่วัดเพื่อชำระล้างจิตใจก่อนที่จะจากโลกนี้ไป พี่เก๋า(ผู้ป่วย)พยายามจะหนีออกจากที่โรงพยาบาลหลายครั้งโดยที่พี่เก๋าเข้่ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ชลบุรีแต่พี่ต่ายยังคงต้องทำงานอยู่ที่บริษัทที่ศรีนครินทร์ ปัญหาของพี่ต่ายมีอยู่ว่า พี่ต่ายต้องเข้ามาทำงานทุกวัน และโรงพยาบาลอยู่ไกลจากที่ทำงานทำให้พี่ต่ายไปเยี่ยมพี่เก๋า(ผู้ป่วย)บ่อยๆไม่ได้ และที่หนักกว่านั้นคือ พี่ต่ายต้องอาศัยรวมอยู่กับพนักงานคนอื่นๆของบริษัท ทำให้พี่ต่ายไม่สามารถนำพี่เก๋า(ผู้ป่วย)มาพักอาศัยอยู่ด้วยได้

ถามว่าทำไมไม่ส่งตัวพี่เก๋า(ผู้ป่วย)กลับบ้าน? คำตอบคือ ไม่มีญาติพี่น้องคนใดที่สามารถดูแลพี่เก๋าได้ รวมทั้งแม่พี่ต่ายเองก็ยังต้องทำงานเช้ายันค่ำ โรงพยาบาลเดิมที่ตอนนี้พี่เก๋ารักษาตัวอยู่ก็เร่งให้ส่งตัวพี่เก๋าไปที่อื่น ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นใจทั้งนั้น

จากตอนแรกที่เราหาสถานพยาบาลที่รับดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่ก็ไม่มีสถานที่ไหนที่เราสามารถนำผู้ป่วยไปได้ และจากที่ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดที่ผู้ป่วยพักอยู่ก็เร่งขอให้เรานำตัวผู้ป่วยออกมาจากโรงพยาบาล ฝ่ายบริหารของทางบริษัทเราจึงรีบอนุมัติให้ดูแลพาผู้ป่วยไปส่งที่วัดพระบาทน้ำพุโดยจะดูแลตั้งแต่เรื่องการเดินทางไปจนถึงค่าใช้จ่ายอีกสารพัด

แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างนั้น…

เมื่อทางวัดแจ้งเราว่า “เตียงเต็ม” ตอนแรกยอมรับว่าเราเองก็เครียด เราใช้เวลาในการติดต่อหาข้อมูลทั้งหมด 2 วัน สุดท้ายเราได้บทสรุปที่ว่า เราจะนำผู้ป่วยไปที่วัดพระบาทน้ำพุ พร้อมด้วยเงินช่วยเหลือจากผู้บริหารอีก 30,000 บาท ไม่ว่าจะยังไงเราต้องให้พี่เก๋ามีที่พักกายและพักใจให้ได้

???????????????????????????????

เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง

ในการเดินทางไปส่งผู้ป่วยคราวนี้เราเดินทางแยกกันเป็น 2 ทีม ทีมแรกมีพี่ต่ายและพี่รัตน์ ทีมที่สองมี ลุงชมเชย พลอย และซอฟท์ ทีมแรกจะทำการเดินทางออกจาก LPG TECH เพื่อที่จะตรงไปที่โรงพยาบาลบ้านบึงไปรับตัวพี่เก๋า(ผู้ป่วย) ส่วนอีกทีมจะมุ่งหน้าไปรอที่ลพบุรี

ก่อนออกเดินทาง ผู้บริหารของบริษัท คุณ กฤทจ์พิสิษฐ์ ตั้งจิตรปรารถนา ก็ได้ทำการมอบเงิน 30,000 บาทเพื่อจะให้เรานำไปวัดพระบาทน้ำพุ แต่ก่อนที่จะออกจากบริษัท ทุกๆคนก็ขอมีส่วนร่วมในกุศลใหญ่ครั้งนี้ นับเงินในซองทั้งหมดได้ 41,200 บาท!

รูปแรก

ภาพแห่งความประทับใจ! ผู้บริหาร LPG TECH (ขวา) พี่ต่ายชิมโบ๊ะ (กลาง) และ พี่รัตน์ (ซ้าย)

อิ่มบุญกันถ้วนหน้ากันแล้ว เราก็รีบเตรียมตัวออกจากบริษัท โดยเวลาที่เราออกเดินทางก็คือ 13:30 ตอนแรกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัดพระบาทน้ำพุอยู่ที่ไหน แต่ด้วยความเร่งรีบ เลยตัดสินใจกันว่าค่อยไปหาอีกทีข้างหน้า! มั่นใจในเทคโนโลยีมากๆ

ความกังวล

วินาทีแรกที่ออกเดินทางยอมรับว่าเครียดมาก ทั้งเครียด ทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวล ทั้งกลัว ความรู้สึกต่างๆมันปั่นป่วนไปหมด กลัวไปซะทุกเรื่อง กลัวว่าที่วัดจะปฏิเสธ กลัวว่าระหว่างทางคนไข้(พี่เก๋า)จะเป็นอะไรรึเปล่า จะเดินทางไหวรึเปล่า จะกระทบกระเทือนมั้ย กลัวจนจิตตก!

Surprise ระหว่างทาง

ระหว่างทาง น่าจะช่วงมอเตอร์เวย์ซักที่(น่าจะแถวรังสิต) เหลือบไปเห็นความเร็วรถ แทบจะสะดุ้ง ลุงชมเชย(ผู้ขับ)ที่พาพวกเราไป เหยียบจัดหนัก 160! รถนิ่มมากๆ ก่อนที่เราจะมาทำงานบริษัทรถติดแก๊ส เรามีความรู้แบบน้อยนิดเกี่ยวกับเรื่องแก๊สรถยนต์ เราคิดว่ารถที่ติดแก๊สน่าจะเร่งได้ไม่เท่าน้ำมัน หรือ เบาดับ หรือระหว่างปลี่ยนเกียร์ต้องมีกระตุก ขับไม่ลื่น แต่พอเรามาทำงานที่นี่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ชุดหัวฉีด LPG TECH สามารถทำอัตตราเร่งได้เทียบเท่าน้ำมัน (อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ) ซึ่งเคยทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 240 กม/ชั่วโมง!!!!! โอ้ยยย เริ่ด ไม่ได้โฆษณา!

ที่นี่ สระบุรี

ถึงสระบุรีกันแล้ว เวลา 15:00 พอดี พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่า พวกเราต้องการห้องน้ำ! หลังจากเข้าห้องน้ำก็แวะหาอะไรรองท้องซะหน่อย เลยได้โอกาสหยิบโทรศัพท์มากริ๊งกร๊างถามอีกทีมว่าถึงไหนกันแล้ว อีกทีมยังไม่ได้ออกมาจากชลบุรีเลย เพราะว่าเอกสารในการส่งตัวเยอะมาก หมอจะต้องทำการให้ยาและฉีดยาให้กับผู้ป่วย

พวกเราสามคนเลยตัดสินใจว่าพวกเราจะค่อยๆขับไปรอข้างหน้า

 

แวะ 3 ปั้ม !

ตอนนี้พวกเราทั้งสามคนแวะปั้มที่ 3 กันแล้ว ข่าวจากอีกทีมที่ได้คือ พวกเขากำลังเดินทางออกมาจากชลบุรี พวกเราก็รอกันต่อไป เนื่องจากพวกเราทั้งสามคนไม่เคยเดินทางไปที่วัดพระบาทน้ำพุมาก่อน แต่ทางอีกทีมมีพี่รัตน์ที่คุ้นกับทางเป็นอย่างดี เราเลยตัดสินใจที่จะรอพี่รัตน์เพื่อออกเดินทางไปด้วยกัน ซอฟท์เลยใช้เวลานี้ลองติดต่อดูที่อื่นๆที่เรายังไม่ได้ติดต่อ อย่างเช่นบ้านพักฉุกเฉิน ซึ่งเราอธิบายสถานการณ์ให้พี่เจ้าหน้าที่ฟัง พี่เค้าก็พยายามตอบและหาทางออกช่วยด้วยการให้คำแนะนำว่า “ถ้าเกิดพาไปวัดแล้วทางวัดปฏิเสธขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องถามทางนั้นให้ได้ว่าจะให้เราทำอะไรต่อไป วัดต้องมีเครือข่ายหรือโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยที่เป็นแบบนี้” หลังจากที่วางสายไป ก็ได้แต่ภาวนาว่าที่วัดยังจะพอมีที่ให้พี่เก๋าได้สงบกายใจในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต…

ทุกอย่างแลไม่เป็นใจ

หลังจากที่เรารอ ร๊อ รอ ทีมของพี่ต่าย เวลาผ่านไป ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว ชั่วโมงครึ่งก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว พวกเราก็เริ่มเหนื่อย พลังของร่างกายคล้ายๆว่ากำลังจะหมด มองนาฬิกาก็ 5 โมงเย็น นั่งกินขนมเพื่อที่จะไม่ง่วงกันบนรถ ขนมหมดจนไม่รู้จะหมดยังไง เลยตัดสินใจจะออกไปซื้อกระหรี่ฟั๊พเพิ่ม พอออกจากนอกรถ ฟ้าเริ่มมืด ลมเริ่มพัดแรง เรามองกลับไปที่บนท้องฟ้าด้านที่พวกเราเดินทางมา ในใจก็อดน้อยใจแทนพี่เก๋า(ผู้ป่วย)ไม่ได้ เพราะเหมือนกับฟ้าจะเข้าข้างให้เค้าจะได้ไปอยู่ในที่ที่พี่เค้าต้องการ แต่ก็ต้องโดนอุปสรรคมากมายมาขัดขวาง หรือไม่ … คนที่น้อยใจอาจจะเป็นแค่พวกเราก็ได้

 

4 ชั่วโมงแห่งการรอคอย

หลังจากที่เรารอมาถึง 4 ชั่วโมงเต็ม ก็ได้รับสายเรียกเข้าจากพี่ต่าย ดีใจมากๆที่ได้ยินข่าวว่ากำจะมาถึง แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เมื่อทางนั้นกำลังเดินทางเข้ามาใกล้ ท้องฟ้าจากที่มืดอยู่แล้วยิ่งครึ้มหนัก แถมเม็ดฝนหยดเล็กๆก็เริ่มโปรยลงมาราวกับใครบางคนกำลังร้องไห้

… พี่เก๋ามากับฝนจริงๆ

 

รถตู้สีขาว LPG TECH

เมื่อรถตู้สีขาวของบริษัทเล่นเข้ามาถึงปั้มที่เรารออยู่ พี่ต่าย พี่รัตน์รีบวิ่งลงมาจากรถเพราะฝนที่ตกปอยๆ ใจเราก็เป็นห่วงคนที่อยู่บนรถว่าเค้าจะโอเคมั้ย เค้าจะหิวข้าวรึเปล่า

เมื่อฝนตก ฟ้ามืด ยิ่งทำให้ใจเราหดหู่มากขึ้น …

พวกเรายืนหลับฝนหาอะไรรองท้องอยู่หน้า Jiffy ลุงได้เครื่องดื่มชูกำลัง พี่ต่ายได้มาม่าถ้วย พวกเราคุยกันอีกครั้งถึงเรื่องการไปส่งตัวผู้ป่วย ในที่สุดเราก็ตัดสินใจว่าเราจะบอกความจำเป็น ความจริง และความหวังที่มีทั้งหมดให้ทางวัดได้ทราบ พวกเราประสานมือกัน เรียกกำลังใจคืนมา เรามาด้วยความตั้งใจดี เรามาเพื่อให้คนหนึ่งคนที่สิ้นหวังแล้วกับโลกใบนี้ได้พักสงบจิตใจในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต

ป้ายหน้า วัดพระบาทน้ำพุ   

หลังจากออกมาจากจังหวัดสระบุรี ไม่นานเราก็เข้าเขตลพบุรี ด้วยความที่ไม่เคยมา ไม่รู้ว่าวัดอยู่ตรงไหน เปิดหาจาก Google map ก็แล้ว ในที่สุดก็ต้องตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ป้ายทีมีอยู่ข้างทาง 6 ตาในรถช่วยกันกวาดสาดส่อง และเป็นอะไรที่สับสนมาก เพราะป้ายที่เราเห็นมีทั้ง วัดพระพุทธบาท วัดถ้ำกระบอก วัดพระบาทน้ำพุ แต่ด้วยที่มีผู้นำที่ดี รถคันหน้าคือพี่รัตน์ ในที่สุดเราก็เดินทางไปถึงที่วัด (แม้ว่าเราเกือบจะเลยทางเข้าวัดแล้วก็ตาม) -_-“

ผู้คุมประตู

ในที่สุดเราก็มาถึง มีผู้คุมประตูอยู่สองสามคนนั่งรออยู่ที่หน้าประตู รถตู้ที่มีผู้ป่วยนำหน้า พี่ต่ายรีบโทรมาหาบอกว่าเค้าถามว่าเคยติดต่อมารึยัง ติดต่อใครไว้รึเปล่า พี่ต่ายรีบส่งข่าวให้เราลงไปคุย พอได้ที่จอดในวัดแล้ว ผู้คุมประตูพาเราไปหาพี่พยาบาลที่เป็นคนดูแลอยู่ เราเล่าว่าเรามาจาก บริษัท LPG TECH เค้าก็ถามว่าเราติดต่อกับใครไว้ เราก็บอกไปตามจริงว่าเราคุยไว้กับพี่ผู้ชาย ที่วัดบอกว่าเตียงเต็มต้องส่งเอกสารมาให้ทางวัดพิจารณาแต่โรงพยาบาลให้เราเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกมาด่วน พี่เก๋า (ผู้ป่วย) บอกว่าต้องการทีจะมาที่นี่ด้วย ทางเราเลยต้องมาขอความช่วยเหลือจากวัด

พี่ผู้หญิงบอกให้เราพาผู้ป่วยเข้าไปไว้ที่ตึก เพื่อที่จะเคลียร์เอกสาร ดีใจมากๆที่ได้ยินแบบนั้น พี่เก๋าจะได้มีที่อยู่แล้ว!!!

พี่สตาฟนำเรามายังตึกผู้ป่วย พอเปิดรถพี่เค้าก็รีบเอารถเข็นมารอรับ และตอนนี้เองเราก็จะได้พบกับ”พี่เก๋า”

พี่เสื้อแดง

 

พี่ต่ายขึ้นไปบนรถเพื่อจะอุ้มพี่เก๋าลงมาจากรถ ตามที่ต่ายเล่าพี่เก๋ายังเดินเองได้มีเนื้อมีหนังกว่านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าภาำำพที่จะได้เห็นจะเป็นแบบนี้

พี่ต่ายอุ้มพี่เก๋า

เข็นพี่เก๋าเข้าห้อง

และแล้วเราก็พาพี่เก๋าเข้าไปในตึกซักที ดูจากรูปจะเห็นได้ว่าพี่เก๋ากำลังยกมือไหว้อะไรอยู่ จริงๆพี่เก๋าอาจจะกำลังขอบคุณสิ่งศักสิทธิ์ที่ได้นำพี่เก๋ามายังที่ๆพี่เก๋าต้องการมาตลอดก็ได้

ผู้ป่วยฝากนอน 

จริงๆตอนนี่พี่เก๋า(ผู้ป่วย)เป็นแค่ผู้ป่วยฝากนอน โดยทางวัดจะจัดที่ให้นอนก่อนเป็นเวลา2 คืน ภายในวันเสาร์เราต้องเอาเอกสารมาให้ครบ ทางวัดถึงจะรับพี่เก๋าเป็นคนไข้ ตอนนี้เอกสารเหลือแค่บัตรประชาชนพี่ต่าย ผู้เป็นญาติ (เพราะพี่ต่ายรีบร้อนออกจากบริษัทเกินไปทำให้ลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่บริษัท) และ ใบรับรองจากนักสังคมสงเคราะห์ คืนนั้นเราเดินทางกลับออกมาจากวัดมาถึงบ้านเกือบตี 1 งานนี้ถึงเหนื่อยกายแต่อิ่มใจ

วันเสาร์เรื่องจะออกมาเป็นเช่นไร ติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^

ปล.  ตังค์ที่เราถือไปต้องถือกลับมาก่อน เพราะพี่พยาบาลบอกว่าให้นำมาเวลาช่วงเช้าและนำไปให้กับฝ่ายรับบริจาคเลย ฝ่ายพยาบาลจะไม่ยุ่งเรื่องนี้

One response to “วัดพระบาทน้ำพุ

  1. Pingback: กิจกรรม CSR ครั้งที่ 1 | LPG TECH TODAY·

Leave a comment